การยื่นงบการเงินประจำปี

ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด  นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย  และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร 

  • ต้องยื่นงบการเงินภายใน 5 เดือน นับแต่วันปิดบัญชี ดังนั้นงบการเงินที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี จะต้องยื่นภายในวันที่ 31 พฤษภาคมของปีถัดไป
  1. บริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด
  • ต้องจัดทำงบการเงินขึ้นเพื่อให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบรับรอง แล้วจึงนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่  โดยจะต้องจัดให้มีการประชุมเพื่ออนุมัติงบการเงินภายใน   4  เดือน  นับแต่วันปิดบัญชี  ดังนั้น รอบปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี  จะต้องจัดประชุมภายในวันที่ 30  เมษายน ของปีถัดไป  มิฉะนั้นจะมีความผิดโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
  • ต้องยื่นงบการเงินภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่

ตารางอัตราค่าปรับการยื่นงบการเงินล่าช้า

  • อัตราค่าปรับกรณียื่นงบการเงินล่าช้าไม่เกิน 2 เดือน
ลำดับที่ ประเภทผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี กรรมการผู้จัดการ/

หุ้นส่วนผู้จัดการ

รวม
1 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน 1,000 1,000 2,000
2 บริษัทจำกัด 1,000 1,000 2,000
3 นิติบุคคลต่างประเทศ 2,000 2,000 4,000
4 บริษัทมหาชนจำกัด 2,000 2,000 4,000
5 กิจการร่วมค้า 2,000 2,000

 

  • อัตราค่าปรับกรณียื่นงบการเงินล่าช้าเกินกว่า 2 เดือนแต่ไม่เกิน 4 เดือน
ลำดับที่ ประเภทผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี กรรมการผู้จัดการ/

หุ้นส่วนผู้จัดการ

รวม
1 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน 4,000 4,000 8,000
2 บริษัทจำกัด 4,000 4,000 8,000
3 นิติบุคคลต่างประเทศ 24,000 24,000 48,000
4 บริษัทมหาชนจำกัด 24,000 24,000 48,000
5 กิจการร่วมค้า 24,000 24,000

 

 

  • อัตราค่าปรับกรณียื่นงบการเงินล่าช้าเกินกว่า 4 เดือนขึ้นไป หรือไม่ยื่นงบการเงิน
ลำดับที่ ประเภทผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี กรรมการผู้จัดการ/

หุ้นส่วนผู้จัดการ

รวม
1 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน 6,000 6,000 12,000
2 บริษัทจำกัด 6,000 6,000 12,000
3 นิติบุคคลต่างประเทศ 36,000 36,000 72,000
4 บริษัทมหาชนจำกัด 36,000 36,000 72,000
5 กิจการร่วมค้า 36,000 36,000

 

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

การยื่นขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเงินได้ 

ผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเงินได้ภายใน  60  วัน  นับแต่วันที่มีเงินได้เกิดขึ้น  กรณีเป็นผู้มีเงินได้ ที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน  ได้แก่  เป็นคนต่างด้าว หรือ กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง  เว้นแต่   ผู้มีเงินได้ ที่มีเลขประจำตัวประชานชน  สามารถใช้เลขประจำตัวประชาชน แทนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรได้  โดยไม่ต้องขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรอีก

  • การยื่นแบบแสดงรายการ
  • ผู้มีเงินได้ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ยื่นแบบปีละ  1  ครั้ง ยื่นแบบฯภายในวันที่  31  มีนาคมของปีถัดไป
  • ผู้มีเงินได้จากการทำธุรกิจการค้าทั่วไป เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) ถึง (8) ต้องยื่นแบบปีละ 2 ครั้ง  สำหรับเงินได้ ที่เกิดขึ้น 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ยื่นภายในวันที่  30 กันยายน ของทุกปี  และสำหรับเงินได้ทั้งปี  ยื่นภายในวันที่  31  มีนาคมของปีถัดไป
  • ผู้ที่เป็นโสด มีเงินได้พึงประเมินเกิน 30,000  บาท
  • ผู้ที่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมิน ไม่ว่าฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกันเกิน  60,000  บาท
  • กองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง มีเงินได้พึงประเมินเกิน 30,000 บาท
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงประเมินเกิน  30,000  บาท

 

เงินได้สุทธิตั้งแต่ ช่วงเงินได้สุทธิ สูงสุดของแต่ละขั้น อัตราภาษีร้อยละ ภาษีแต่ละ ขั้นเงินได้สุทธิ ภาษีสะสม สูงสุดของขั้น
1 – 150,000 150,000 ได้รับยกเว้น ยกเว้น 0
150,001 – 300,000 150,000 5 7,500 7,500
300,001 – 500,000 200,000 10 20,000 27,500
500,001 – 750,000 250,000 15 37,500 65,000
750,001 – 1,000,000 250,000 20 50,000 115,000
1,000,001 – 2,000,000 1,000,000 25 250,000 365,000
2,000,001 – 4,000,000 2,000,000 30 600,000 965,000
4,000,001 บาทขึ้นไป 35

*ยกเว้น ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 470) พ.ศ.2551 สำหรับเงินได้สุทธิที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ.2551 เป็นต้นไป และเป็นการคำนวณภาษีตามมาตรา 48 (1) เท่านั้น
*ยกเว้น ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 575) พ.ศ.2556 สำหรับเงินได้สุทธิที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ.2556, พ.ศ.2557
*ยกเว้น ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 576) พ.ศ.2557 สำหรับเงินได้สุทธิที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ.2558

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และหมายความรวมถึงนิติบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ด้วย ดังนี้

 

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่ บริษัทจำกัด, บริษัทมหาชน, ห้างหุ้นส่วนจำกัด และห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน

 

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น เข้ามากระทำกิจการในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร)
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น กระทำกิจการในที่อื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย (มาตรา 66 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร)
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น กระทำกิจการอื่นๆรวมทั้งในประเทศไทยและกิจการที่กระทำนั้นเป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ (มาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร)
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย (มาตรา 70)
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 76 วรรคสอง และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ได้จำหน่ายเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นที่กันไว้จากกำไร หรือถือได้ว่าเป็นเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย (มาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร)
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้น มิได้เข้ามาทำกิจการในประเทศไทยโดยตรง หากแต่มีลูกจ้างหรือผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อ ในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย (มาตรา 76 ทวิ)

 

  1. กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้า หรือหากำไร โดย รัฐบาลต่างประเทศ, องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ และนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

 

  1. กิจการร่วมค้า (Joint Venture)

 

มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล

รอบระยะเวลาบัญชี

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจากกำไรสุทธิ ต้องคำนวณกำไรสุทธิ จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจาก กิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี ซึ่งประมวลรัษฎากรได้กำหนดรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่งๆ ไว้ดังนี้

  1. รอบระยะเวลาบัญชีโดยทั่วไปตามบทบัญญัติมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องเท่ากับ 12 เดือน โดยจะเริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใดก็ได้
  2. รอบระยะเวลาบัญชีซึ่งน้อยกว่า 12 เดือน กรณีที่กฎหมายยอมให้รอบระยะเวลาบัญชีน้อยกว่า 12 เดือน ได้มีเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้ คือ
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเริ่มตั้งใหม่ จะถือวันเริ่มตั้งถึงวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะ เวลาบัญชีแรกก็ได้ แต่รอบระยะเวลาบัญชีต่อไปต้องเท่ากับ 12 เดือน
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอาจยื่นคำร้องขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีก็ได้ ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรจะเห็นสมควรและสั่งอนุญาตซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนจะน้อยกว่า 12 เดือน
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เลิกกันให้ถือเอาวันที่เจ้าพนักงานจดทะเบียนเลิกเป็น วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากัน ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเลิกกัน รอบระยะเวลาบัญชีที่ควบเข้ากันจึงเป็นไปตามข้อ 3 ซึ่งอาจน้อยกว่า 12 เดือน
  • กรณีที่บริษัทเลิกกิจการและยังชำระบัญชี ไม่เสร็จ หากมีกำไรสุทธิเกิดขึ้น จะต้องนำมาเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ถือว่าบริษัทยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่ตราบเท่าที่ยังชำระบัญชีไม่เสร็จสิ้น
  1. รอบระยะเวลาบัญชีมากกว่า 12 เดือน รอบระยะเวลาบัญชีอาจขยายออกไปมากกว่า 12 เดือนก็ได้ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลเลิกกิจการ หากผู้ชำระบัญชี และผู้จัดการไม่สามารถยื่นรายการและเสีย ภาษีได้ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว ถ้าได้ยื่นคำร้องต่ออธิบดีภายใน 30 วันนับแต่วัน ที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก อธิบดีกรมสรรพากรอาจพิจารณาอนุมัติให้ขยายรอบระยะเวลาบัญชีออกไปได้ ซึ่งรอบระยะ เวลาบัญชีรอบนี้อาจเกิน 12 เดือนก็ได้)